วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | |
---|---|---|---|---|
04 ธ.ค. 67 - 24 พ.ย. 67 | 169,900 บาท | 39,900 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
22.00 คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 แถว D เคาน์เตอร์สายการบินไทย แอร์เวย์ Thai Airways โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทคอยอำนวยความสะดวก
01.05 เหินฟ้าสู่เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG940 (บินตรงสู่ซูริค)
07.50 ถึงสนามบินนานาชาติซูริค หลังผ่านพิธีการด้านศุลกากรเรียบร้อย นำคณะออกเดินทางเข้าสู่“เมืองซาฟเฮาส์เซ่น” Schaffhausen เมืองชายแดนเยอรมัน-สวิสฯ ชมความสวยงามของ “น้ำตกไรน์” (Rhine Falls) ซึ่งเกิดจากแม่น้ำไรน์สายน้ำนานาชาติที่สำคัญที่สุดในยุโรป แม่น้ำแห่งนี้เกิดขึ้นจากการละลายของหิมะจากเทือกเขาแอลป์เริ่มจากเป็นลำธารเล็กๆ ผ่านลิคเท่นสไตน์เข้าสู่ทะเลสาบคอนสแตนท์ ที่กั้นพรหมแดนระหว่างสวิตเซอร์แลนด์กับเยอรมันนี ส่วนที่ล้นไหลออกจากทะเลสาบคอนสแตนท์ก่อกำเนิดแม่น้ำไรน์สายใหญ่ ไหลผ่านหน้าผาสูงชันที่เมืองซาฟเฮาส์เซ่นเกิดเป็น “น้ำตกไรน์ที่สวยงามที่สุดในยุโรปกลาง”
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมืองลูเซิร์น เดินทางถึงเมืองลูเซิร์น(Lucerne) นำคณะไปถ่ายรูปกับ “อนุสาวรีย์สิงโต” อนุสรณ์รำลึกถึงการเสียชีวิต ของทหารสวิสฯผู้ถวายการอารักขาแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในสงครามปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศส นำท่านเดินชมเมืองเก่าเดินข้าม “สะพานไม้คาเปล” ที่มีชื่อเสียงที่สุดของลูเซิร์น ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาคลุมตลอด ทอดตัวข้าม “ แม่น้ำรุซซ์” (Reuss) ซึ่งสร้างมากว่า 660 ปี เพื่อเชื่อมเขตเมืองใหม่ในฝั่งใต้และเขตเมืองเก่าในฝั่งเหนือ นำท่านเดินทางเข้าสู่บริเวณจัตุรัสใจกลางเมือง “ชวาเน่นท์พลัทซ์” อิสระกับการเดินเที่ยวชมบรรยากาศของเมือง หรือชมความสวยงามของทะเลสาบลูเซิร์น ตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเบรียนซ์ (Brienz) ตั้งอยู่กลางภูเขาที่มีเสน่ห์ที่ปลายด้านตะวันออกของทะเลสาบเบรียนซ์สีฟ้าคราม เดินเล่นบนนถนนโรแมนติกที่สุดของเบรียนซ์ คือ Brunngasse ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับรางวัล "ถนนที่สวยที่สุดในยุโรป" บ้านส่วนใหญ่ในท้องถนนมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 และตกแต่งด้วยไม้แกะสลัก เบรียนซ์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนาม "หมู่บ้านแกะสลัก" มีประเพณีการแปรรูปไม้มาอย่างยาวนาน และจนถึงทุกวันนี้ก็มีโรงเรียนสอนแกะสลักและทำไวโอลิน
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านล่องเรือเรือกลไฟ "Lötschberg" อันเก่าแก่ ชมทะเลสาบเบรียนซ์ผ่านภูมิประเทศที่มีทัศนียภาพอันสวยงามทั้งภูเขาแอลป์และทะเลสาบสีฟ้าครามเป็นประกายระยิบระยับอันเป็นเอกลักษณ์ ทะเลสาบตั้งอยู่ในใจกลางเทือกเขา Bernese Oberland เป็นประสบการณ์ที่ควรค่าแห่งการจดจำ ในการล่องเรือยังช่วยให้เราได้ชมวิวความน่ารักของหมู่บ้านเล็กๆ บริเวณรอบทะเลสาบก็มีทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ อย่างเช่น น้ำตกกีสบาคอันน่าประทับใจที่สามารถชมความสวยงามได้จากเรือ และสายน้ำอื่นๆ ที่ไหลลงสู่ทะเลสาบเบรียนซ์ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านเทพนิยายเล็กๆ “อิเซล์ทวาลด์” (Iseltwald) หมู่บ้านเล็กๆ แห่งอิเซล์ทวาลด์ เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากภาพถ่ายที่สวยงามของ Schloss Seeburg ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลสาบ Brienz หมู่บ้านเล็กๆ ในเทพนิยายแห่งนี้ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางใต้ของทะเลสาบ Brienz ที่สวยงามมากในภูมิภาค Bernese Oberland ของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่งดงามตั้งอยู่ริมทะเลสาบอันเงียบสงบพร้อมทิวทัศน์อันตระการตาและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีสภาพแวดล้อมที่งดงามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย มีผู้คนเพียง 400 คน ตั้งอยู่ตรงข้ามกับน้ำทะเลสีฟ้าครามของทะเลสาบและเทือกเขาแอลป์สวิสที่สวยงาม หมู่บ้านอิซวาลด์ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำซีรี่ย์เกาหลีชื่อดัง “Crash Landing On You” อีกด้วย เดินเล่นตามอัธยาศัย จากนั้นเดินทางสู่ “เมืองอินเทอร์ลาเก้น” เมืองหลวงของแบร์นเนอร์โอเบอร์ลันด์ เมืองตากอากาศ สวยงามพร้อมทะเลสาบ 2 แห่งกลางเมือง ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบสองแห่งคือ Thunersee และ Brienzersee ท่ามกลางเทือกเขาน้อยใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจะได้เห็นเขาจุงเฟราอันสวยงาม อิสระกับการเดินเล่น ชมเมือง หรือช้อปปิ้งสินคาพื้นเมืองสวิสฯ ตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ เมนูพิเศษ ! อาหารพื้นเมืองชาวสวิส "ฟองดู" (Fondue) ทั้งสามชนิด ชีส, เนื้อสัตว์, ช๊อคโกแล๊ต สัมผัสวัฒนธรรมแบบสวิตเซอร์แลนด์ ฟองดูชีส ปรุงโดยการนำเอาชีส มาตั้งไฟและหลอมละลายรวมกับไวน์ขาว
พักที่: HOTEL ROYAL ST. GEORGE / METROPOLE HOTEL / หรือระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่ “หมู่บ้านเลาเทอร์บรุนเนน” ชมวิว น้ำตกชเตาบ์บาค (Staubbach Waterfall) ที่ไหลลงมาจากหน้าผาเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้านแห่งนี้ จากนั้นนั่ง รถไฟฟันเฟือง สู่ “ยอดเขาจุงเฟรา” ที่ได้ชื่อว่า “สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป” เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป เปลี่ยนขบวนรถไฟ (Cog Wheel) ณ “สถานีไคลน์ไชเด็ค” ขึ้นสู่ความสูงถึง 3,464 เมตร จนถึง “สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป” ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็น Top of Europe ชม “ถ้ำน้ำแข็ง 1,000 ปี” ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ชมงานแกะสลักน้ำแข็งที่สวยงามอยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร เก็บภาพความสวยงามและยิ่งใหญ่ของของธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ จากนั้นอิสระทุกท่านสนุกสนานบนลานหิมะอย่างเต็มอิ่ม สำหรับภายในตัวอาคารจุงเฟรายังมีห้องนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติการสร้างทางรถไฟจุงเฟรา, ร้านจำหน่ายช็อคโกแลตลินน์, ร้านนาฬิกาและร้านจำหน่ายของที่ระลึก ท่านสามารถส่งโปรการ์ดถึงคนพิเศษเพื่อเป็นที่ระลึกจากยอดเขาแห่งนี้ได้อีกด้วย
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา
บ่าย นำท่านเดินทางลงเขาด้วยรถไฟ ฟันเฟืองสู่สถานีไอเกอร์(Eiger) จากนั้นโดยสารกระเช้าชมวิวเทือกเขาแอล์ป (THE V-CABLEWAY) ลงสู่สถานีกริลเดลวาล์วกรุนด์ ซึ่งใช้เวลาเพียง 12 นาทีเท่านั้น จากนั้นเดินทางสู่ “เมืองอินเทอร์ลาเก้น” มีเวลาให้ทุกท่านชื่นชมกับธรรมชาติละความงดงามของเมืองอินเทอร์ลาเคน แบบสบายๆไม่เร่งรีบ ท่านอาจจะเลือกพักผ่อนในโรงแรมหรือจิบกาแฟยามบ่าย, เดินเลือกซื้อของฝากของที่ระลึก หรือช้อปปิ้งในร้านนาฬิกาแบรนด์ดังของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ใด้เวลาสมควรนำท่านเดินทางเข้าสู่สถานีรถราง โดยสารสู่ยอดเขา ฮาเดอคลุม (Harder Kulm) จุดชมวิวเมืองอินเทอลาเคน(Interlaken) ที่สวยที่สุดให้ท่านได้ทำกิจกรรมเดินเล่นถ่ายรูปบริเวณยอดเขา
*** นำท่านโดยสารรถรางไฟฟ้าขึ้นสู่ยอดเขาฮาร์เดอร์ คุล์ม (Harder Kulm) เดินสู่จุดชมวิวพระอาทิตย์อัศดงที่แสนสวย ให้ท่านเก็บวิวความสวยงามของเมืองอินเทอลาเค่น เทือกเขาแอล์ป ทะเลสาบทุนและทะเลสาบเบรียนซ์ได้อย่างชัดเจน *** (เปิดให้บริการระหว่าง เดือน เม.ย.-พ.ย. ของทุกปี)
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ พร้อมชมวิว ณ ภัตตาคารบนยอดเขาฮาร์เดอร์ คุล์ม
*** หมายเหตุ... รถรางขึ้นฮาร์เดอร์ คลุม(Harder Kulm) จะเปิดให้บริการระหว่าง 07 เมษายน – 27 ตุลาคม 2567
ช่วงอื่นของการเดินทางทางบริษัทจะปรับเปลี่ยนไปทานอาหาร ณ ภัตตาคารพื้นเมืองแทน
พักที่: HOTEL ROYAL ST. GEORGE / METROPOLE HOTEL / หรือระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านกรินเดลวาลด์(Grindelwald) หมู่บ้านที่น่ารักที่ห้อมล้อมด้วยเทือกเขาแอล์ป ท่านจะประทับใจไปกับบรรยากาศแบบสวิสฯแอลไพน์ บ้านเรือนที่น่ารัก ลำธารใสสะอาดที่ไหลอยู่สองข้างทาง เดินทางถึงสถานีกระเช้าเฟียส นำท่านโดยสารการเช้าขึ้นสู่จุดชมวิวบนยอดเขากรินเดลวาลด์ เฟียส ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสุดบรรยาย ท่านจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน ด้านบนสถานีจะมีกิจกรรมให้ทุกท่านร่วม
สนุกหลายอย่าง เช่น ท่านสามารถเดินชมวิวริมหน้าผาบริเวณ คลิฟ วอล์ค(Cliff Walk) หรือลองพิสูจน์ความกล้าของท่านโดยการเล่นเฟีรส์ ฟรายเยอร์ (First Flyer) (First Glider) โดยตัวท่านจะถูกแขวนไว้กับรางสลิงความปลอดภัยสูงแล้วโรยตัวลงมาด้านล่างด้วยความเร็วกว่า 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะทาง 50 เมตร(ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์) ท่านใดที่ต้องการ ชมความงดงามของทะเลสาบบาชแอล์ปซี (Bachalpsee) ท่านสามารถเดินชมวิวไปตามเส้นทางแอล์ไพน์วอล์ค(Hiking) เส้นทางค่อนข้างเป็นพื้นราบไม่ลำบาก ระยะทางเดินไปกลับประมาณ 1.40 ชั่วโมง(ไปกลับ 5 กิโลเมตร) ท่านจะได้พบกับภาพบรรยากาศความงดงามที่ไม่สามารถหาที่ไหนเหมือน เนื่องจากตัวทะเลสาบตั้งอยู่ในระดับความสูง 2,265 เมตรจากระดับน้ำทะเล เทียบเท่าความสูงของหลายยอดเขาในบริเวณนั้น ท่านจะรู้สึกเพลิดจนลืมระยะทางเลยทีเดียว
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารบนเขากรินเดอร์วาล์ว เฟียส
นำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบ “เบลาเซ” Blausee หรือ “ทะเลสาบสีน้ำเงิน” ตั้งอยู่ในเขต Berner Oberlandเป็นทะเลสาบขนาดย่อมล้อมรอบไปด้วยป่าขนาดเล็กที่มีเป็นสถานที่เพาะพันธุ์ปลาเทราต์ที่มีชื่อเสียง และมีความเด่นดังในเรื่องสีของน้ำในทะเลสาบที่ใสเหมือนผลึกคริสตัลสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ จนมองเห็นปลาเทราต์ที่แหวกว่ายไปมา ทะเลสาบแห่งนี้จะมีความสวยงามทุกฤดู ในฤดูร้อนจะมาดอกไม้สวยงามริมทะเลสาบในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะเปลี่ยนสีและฤดูหนาวจะมีหิมะปกคลุม จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมืองบาเซิล(Basel) เมืองบาเซิล เสมือนศูนย์รวมวัฒนธรรมโบราณและสมัยใหม่ของสวิตเซอร์แลนด์ให้เข้ากันได้ในพื้นที่เดียวกันได้อย่างน่าประหลาดใจ ที่นี่เป็นเมืองที่มีพิพิธภัณฑ์ที่หลากหลายมากที่สุด จนอาจเรียกได้ว่าเป็นเมกกะแห่งความรู้วัฒนธรรมแห่งหนึ่งของยุโรป นำท่านเดินชมเมืองเก่า ชมอาคารโบราณที่แทรกการแต่งแบบใหม่ไว้สลับกันไปกับอาคารแบบโมเดิร์น แสดงให้เห็นลูกเล่นของสถาปนิกในบาเซิล ด้วยที่นี่มีชื่อเสียงอีกด้านของความเป็นแถวหน้าในสถาปัตยกรรมทุกรูปแบบ นำท่านชมอาคารศาลากลางเมือง (Basel Town Hall) และโบสถ์บาเซิล (Basel Minster) ชมทัศนียภาพและความงามของแม่น้ำไรน์ที่ไหลผ่านเมืองเก็บภาพโบสถ์จากสมัยยุโรปยุคกลาง, บ้านทรงโบราณที่ยังคงมีผู้อาศัยใช้งาน, และน้ำพุที่ตกแต่งด้วยการเพ้นท์สีสันใหม่ให้สดใส สิ่งที่ทำให้บริเวณเมืองเก่าของบาเซิลน่าสนใจกว่าที่อื่นๆ เก็บภาพศาลาว่าการเมืองบาเซิล (Basel City Hall) อาคารสีแดงสด อาคารศาลาว่าการเมืองที่ตั้งอยู่ในใจกลางจัตุรัสเมืองเก่า เด่นสะดุดตาด้วยสีแดงสดทั้งอาคาร ตกแต่งด้วยภาพวาดเขียนสีเป็นลวดลายสดใสสวยงาม เป็นอาคารสไตล์เบอร์กันดีโกธิคสร้างในราว ฟ ปี 1504-1521 มีบางส่วนต่อเติมเพิ่มบ้าง หากได้เข้าไปชมลานรับแขกภายในอาคาร จะเสมือนได้เดินย้อนยุคไปในยุโรปยุคโบราณเลยทีเดียว เก็บภาพโบสถ์ประจำเมืองบาเซิล (Basel Minster) ตั้งอยู่บนเนินที่สูง ทั้งยังมีหอคอยที่สูงตระหง่านเป็นคู่กัน โบสถ์แห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองบาเซิล นอกจากหอคอยคู่ทรงแหลมนี้แล้ว ยังเด่นด้วยหลังคาโบสถ์สีสดประดับไว้เป็นลายสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด / อิสระทุกท่านตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร / นำเข้าสู่โรงแรมที่พัก
ที่พัก: Hotel Metropol Basel / Basel Marriott Hotel / หรือระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านออกหมู่บ้านริคเวียร์ Riquewihr สวยที่สุดในแคว้นอัลซาส(Alsace) หมู่บ้านเล็กๆน่ารักในชนบทที่อยู่ในหุบเขาถูกโอบล้อมไปด้วยไร่องุ่นมีชื่อเสียงด้านเป็นแหล่งผลิตไวน์อีกด้วย เนื่องจากภูมิอากาศที่เหมาะสมและภูมิประเทศของเมืองที่อยู่ในหุบเขา ทำให้องุ่นมีรสชาติดี ไวน์ของ Riquewihr จึงมีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ นอกจากนั้นจะเห็นได้ว่าชาวบ้านท้องถิ่น ยังคงรักษาสภาพบ้านเรือนแม้แต่อาชีพยังคงเป็นแบบดั้งเดิม ทำไวน์ ทำขนมท้องถิ่น ทำงานฝีมือ บรรยากาศภายในหมู่บ้านจะคล้ายกับเดินเข้าไปเหมือนหลงอยู่ในเมืองแห่งเทพนิยาย เนื่องจากบ้านเกือบทุกหลังจะตกแต่ง และประดับประดาด้วยดอกไม้ ตุ๊กตาหรือของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่น่ารักๆเต็มไปหมดและได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งใน Les Plus Beaux Villages de France หมู่บ้านที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมือง กอลมาร์ “Colmar” เมืองหลวงของจังหวัดโอ-แร็ง (Haut-Rhin) เป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งไวน์แห่งอาลซัส” (Capitale des Vins d’Alsace) นำท่านชมเมืองที่มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้ยังคงเป็นเมืองที่ มีลักษณะสถาปัตยกรรมและบรรยกาศของเมืองโบราณ โดยเฉพาะในตัวเมืองเก่าที่เรียงรายไปด้วยเรือนไม้โบราณ ร้านค้าโบราณ โบสถ์ พิพิธภัณฑ์ คริสต์ศาสนสถาน และร้านค้าและที่อยู่ อาศัยที่คงสภาพเหมือนเมืองในยุคกลาง
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินทางสู่เมือง ริโบวิเล “Ribeauvillé” หมู่บ้านเล็กๆ ในแคว้นอัลซาส มีบรรยากาศที่สวยงาม บ้านเรือนในแบบยุคกลาง ที่มี่ไร่องุ่นโอบล้อมหมู่บ้านเอาไว้ เมืองเล็กๆ แห่งนี้ถูก ล้อมรอบด้วยกำแพงโบราณ ภายในเมืองยังคงกลิ่นอายของเมืองแบบยุโรปยุคกลางได้เป็นอย่างดี และยังคงมีโบสถ์ที่สร้างด้วยสไตล์กอธิคอีกสองแห่งคือ โบสถ์เเซนต์เกรกรอรี่ และโบสถ์เซนต์ออกัสติน อิสระให้ท่านเดินเล่นในย่านเมืองริโบวิเลตามอัธยาศัย นำท่านเดินทางเข้าสู่เขตปลูกองุ่นแสนสวย แห่ง ริโบวิเล “ให้ท่านได้ชิมไวน์เลิศรสแห่งแคว้นอัลซาส” เก็บภาพความทรงจำในบริเวณเมือง ริโบวิเล ท่านจะได้สัมผัสกับไวน์องุ่นเลิศรส ที่รสชาติลงตัว นำท่านออกเดินทางสู่เมือง “สตารสบูร์ก” Strasbourg เมืองหลวงแห่งแคว้นอัลซาส (Alsace) แห่งฝรั่งเศส ที่ก่อตั้งขึ้นโดยชาวโรมันเมื่อ 12 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่: HOTEL HILTON STRASBOURG / หรือระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่เขตเมืองเก่า “กรอง อิลล์” Grande Île ที่มีแม่น้ำล้อมรอบเหมือนเป็นเกาะ และเขตเมืองเก่านี้ก็ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย ชมย่าน Le Petite France ย่านเก่าแก่ที่รายรอบร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ที่พักในรูปแบบการก่อสร้างแบบ Timber Framing บ้านกรอบไม้กึ่งปูนที่บางหลังมีอายุเก่าแก่ 400-500 ปี ชมมหาวิหารแห่งเมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg Cathedral)
วิหารโรมันคาทอลิกเก่าแก่ที่ตั้งอยู่กลางเมือง เดิมสร้างเป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ ต่อมาถูกไฟไหม้เสียหายมากจึงมีการบูรณะใหม่และกลายเป็นศิลปะแบบกอธิคคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก มีความสูงอยู่ที่ 142 เมตร ซึ่งถูกสร้างขึ้นระหว่าง ปี ค.ศ.1176-1439 นำท่านล่องเรือ BATORAMA ชมเมือง Strasbourg ให้ท่านสัมผัสบรรยากาศของเมืองในอีกมุมนึง ให้ท่านได้ถ่ายรูปเมืองสตารส์บูร์กจากมุมต่างๆ เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศสวยๆ สบายๆ บนเรือที่ออกแบบมาไม่เหมือนใคร เรือ BATORAMA มีหลังคากระจกโค้งใส เหมือนแก่การชมวิวและถ่ายรูปเรือจะล่องพาท่านผ่านจุดไฮไลท์สำคัญของเมือง และ มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านออกเดินทางเข้าสู่ “ มหานครปารีส ” เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส โดยรถไฟด่วน TGV หรือ Train A Grande Vitesse ด้วยความเร็วกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ท่านจะได้ชมวิวสวยงามระหว่างทางและเปลี่ยนบรรยากาศ การเดินทางด้วยรถไฟถึงมหานครปารีส นำท่านผ่านชมมหานครปารีส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซนน์บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศสบนใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์ จากการตั้งถิ่นฐานมากว่า 2,000 ปีปัจจุบันกรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลกและด้วยอิทธิพลของการเมืองการศึกษาบันเทิงสื่อ แฟชั่นวิทยาศาสตร์และศิลปะทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นำท่านชมวิวที่สวยงามบริเวณถนนถนนช็อง เอลีเซ เป็นถนนที่สวยที่สุดของมหานครปารีส เป็นย่านการค้า มีร้านค้า โรงละคร ร้านกาแฟ ฯลฯ สองข้างทางมีต้นเกาลัดที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่: Hotel Pullman Paris La Defense / Le Meridien Paris Étoile / หรือระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าชมความสวยงามภายใน “ พระราชวังแวร์ซายย์” (ไกด์ประจำพระราชวังคอยบรรยายตามจุดต่างที่สำคัญๆของพระราชวัง) จัดเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน เพราะความสวยงามใหญ่โตของตัวปราสาท และสวนดอกไม้ที่มีการตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ผู้ที่ก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์ ที่งดงามแห่งนี้
คือพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศส นำท่านชมห้องต่างๆ ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงตามชื่อเทพเจ้าต่างๆ อาทิเช่น ห้องเฮอคิวลีส, ห้องวีนัส, ห้องนโปเลียน, ห้องอพอลโล, ฮอลล์ออฟมิเรอร์ Hall of Mirrors
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวันสุดพิเศสบนหอไอเฟล...ณภัตตาคาร Madame-Brasserie พร้อมชมวิวมหานครปารีสแบบเบิร์ด อาย วิว ชมสถานที่สำคัญโบราณสถานและอาคารที่เก่าแก่สร้างด้วยศิลปะแบบบารอคและเรอเนสซองส์ รวมถึงโกธิค ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสร้างภาพให้ปารีสโดดเด่นเป็นมหานครที่งดงามอันดับหนึ่งของโลก
บ่าย จากนั้น นำท่านเดินทางเพื่อ เข้าชมภายใน “พิพิธภัณฑ์ลูฟร์” (ไกด์ประจำพิพิธภัณฑ์ คอยบรรยายตามจุดต่างที่สำคัญๆของพิพิธภัณฑ์) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเป็นสถานที่ตั้งแสดงศิลปวัตถุนับชิ้นไม่ถ้วน ภายในจัดแสดงศิลปวัตถุชิ้นสำคัญอาทิ ภาพวาด โมนาลิซ่า ของลีโอนาร์โด ดาวินชี, รูปปั้นวีนัส เดอมิโล, รูปแกะสลักทาสของไมเคิล แองเจโล ฯลฯ นำผ่านชม “ จัตุรัสคองคอร์ด” Place de la Concorde ที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอังตัวเนต ถูกตัดสินประหารชีวิตโดยกิโยตินในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส ชมถนนแห่งแฟชั่น“ ชองเอลิเซ่ ” (Champs-Elysees) ที่มี ความยาวกว่า 2 กิโลเมตรที่ร่มรื่นไปด้วยต้นเมเปิ้ลตลอดสองข้างทางและถือว่าเป็นถนนที่ติดอันดับสวยที่สุดในโลก นำท่านถ่ายภาพคู่ กับ “หอไอเฟล” สัญลักษณ์อันโดดเด่นของมหานครปารีส บริเวณ“จัตุรัสทรอคาเดโร” จากนั้น นำท่านถ่ายภาพคู่กับ “ ประตูชัย” Arc de Triomphe สัญลักษณ์แห่งชัยชนะที่จักรพรรดินโปเลียนให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1805 นำท่าน “ล่องเรือชมแม่น้ำแซนน์” พร้อมชมชมสถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองสองฝั่งของแม่น้ำแซนน์ โบราณสถานและอาคารที่เก่าแก่สร้างด้วยศิลปะแบบเรอเนสซองส์ ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสร้างภาพให้ปารีสโดดเด่นเป็นมหานครที่งดงามแห่งหนึ่งของโลก อาทิเช่น หอไอเฟล, พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, ศาลาว่าการ โอเต็ล เดอ วิลส์, เกาะเซนต์ หลุยส์, โบสถ์นอร์ทเตรอดาม, พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์, แซงวาลี้ด, พระราชวังบูร์บ็อง, สะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ฯลฯ
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่: Hotel Pullman Paris La Defense / Le Meridien Paris Étoile / หรือระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าสู่ “ย่านมองมาร์ต” (Montmarte) เป็นเนินเขา ทางเหนือของปารีสและเป็นจุดที่สูงที่สุดของเมือง ชม “มหาวิหารซาเครเกอร์” (Bassilica of Sacre Coeur) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่อุทิศแด่ชาวฝรั่งเศส ที่เสียชีวิตจากสงครามกับปรัสเซีย ออกแบบตามแบบศิลปะสไตล์โรมัน - ไบเซนไทน์ Roman-Byzantine สีขาวสวยเด่นเป็นสง่าบนเนิน เขามองมาร์ต นำท่านชมความงามของวิว สวยของปารีส ที่แห่งนี้ยังเปรียบได้กับว่าเป็นเนินแห่งความฝัน ของบรรดาศิลปินทั้งหลาย ณ ที่แห่งนี้คือ ที่นัดพบของศิลปินมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ผลงานศิลปะได้มี การสร้างสรรค์จากที่นี่เป็นจำนวนมากอิสระให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศแบบชาวปารีเซียง ในย่านมองมาร์ตตลอดสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านกาแฟสไตล์ปารีเซียง อิสระให้ท่านได้เดินชมบรรยากาศ และเลือกซื้อของที่ระลึกต่างๆ
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีที่ Duty Free อิสระกับการ ช้อปปิ้งสินค้าตามรสนิยมแบรนด์ชื่อดังนานาชนิด อาทิ น้ำหอม เสื้อผ้า กระเป๋า กระเป๋าเดินทาง เครื่องสำอาง จากนั้นสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังที่ห้างสรรพสินค้า แกลลารี-ลาฟาแยตต์ Galerie Lafayette
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคารมื้อพิเศษ หอยเอสคาโก้ (Escargots au beurre persillé), สเต๊กฝรั่งเศสให้ท่านเลือก(เนื้อวัว, หมูหรือไก่) เสริฟพร้อมไวน์แดงฝรั่งเศส
พักที่: Hotel Pullman Paris La Defense / Le Meridien Paris Étoile / หรือระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พร้อมกัน ณ จุดนัดหมายเพื่อออกเดินทางสู่สนามบิน (กรุณาตรงต่อเวลานัดหมาย)เพื่อให้ท่านได้มีเวลาทำ TAX REFUND คืนภาษีก่อนการเช็คอิน อาหารกลางวันอิสระตามอัธยาศัย
13.00 ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG931
06.00 เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ / โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
บริษัทฯ จะทำการยื่นวีซ่าของท่านก็ต่อเมื่อในคณะมีผู้สำรองที่นั่งครบ 10 ท่าน และได้รับคิวการตอบรับจากทางสถานทูต เนื่องจากบริษัทฯ จะต้องใช้เอกสารต่างๆที่เป็นกรุ๊ปในการยื่นวีซ่า อาทิ ตั๋วเครี่องบิน ห้องพักที่คอนเฟิร์มมาจากทางยุโรป ประกันการเดินทาง ฯลฯ ทางท่านจะต้องรอให้คณะครบ 15 ท่าน จึงจะสามารถยื่นวีซ่าให้กับทางท่านได้อย่างถูกต้อง
หากในช่วงที่ท่านเดินทางคิววีซ่ากรุ๊ปในการยื่นวีซ่าเต็ม ทางบริษัทต้องขอสงวนสิทธิ์ในการยื่นวีซ่าเดี่ยว ซึ่งทางท่านจะต้องเดินทางมายื่นวีซ่าด้วยตัวเอง ตามวัน และเวลานัดหมายจากทางสถานทูต โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยดูแล และอำนวยความสะดวก
เอกสารต่างๆที่ใช้ในการยื่นวีซ่าท่องเที่ยวทวีปยุโรป ทางสถานทูตเป็นผู้กำหนดออกมา มิใช่บริษัททัวร์เป็นผู้กำหนด ท่านที่มีความประสงค์จะยื่นวีซ่าท่องเที่ยวทวีปยุโรป กรุณาจัดเตรียมเอกสารให้ถูกต้อง และครบถ้วนตามที่สถานทูตต้องการ เพราะจะมีผลต่อการพิจารณาวีซ่าของท่าน บริษัททัวร์เป็นแต่เพียงตัวกลาง และอำนวยความสะดวกในการยื่นวีซ่าเท่านั้น มิได้เป็นผู้พิจารณาว่าวีซ่าให้กับทางท่าน
กรณีวีซ่าที่ท่านยื่นไม่ผ่านการพิจารณา และคณะสามารถออกเดินทางได้ ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้
- ค่าธรรมเนียมการยื่นวีซ่าและค่าดำเนินการ ทางสถานทูตจะไม่คืนค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้นแม้ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านการพิจารณา
- ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน หรือตั๋วเครื่องบินที่ออกมาจริง ณ วันยื่นวีซ่า ซึ่งตั๋วเป็นเอกสารที่สำคัญในการยื่นวีซ่า หากท่านไม่ผ่านการพิจารณา ตั๋วเครื่องบินถ้าออกตั๋วมาแล้วจะต้องทำการ REFUND โดยจะมีค่าธรรมเนียมที่ท่านต้องถูกหักบางส่วน และส่วนที่เหลือจะคืนให้ท่านภายใน 45-60 วัน (ตามกฎของแต่ละสายการบิน) ถ้ายังไม่ออกตั๋วท่านจะเสียแต่ค่ามัดจำตั๋วตามจริงเท่านั้น
- ค่าห้องพักในทวีปยุโรป ถ้าคณะออกเดินทางได้ และท่านไม่ผ่านการพิจารณาวีซ่า ตามกฎท่านจะต้องโดนค่ามัดจำห้องใน 2 คืนแรกของการเดินทางหากท่านไม่ปรากฏตัวตามวันที่เข้าพัก ทางโรงแรมจะต้องยึดค่าห้อง 100% ในทันที ทางบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ และมีเอกสารชี้แจงให้ท่านเข้าใจ
หากท่านผ่านการพิจารณาวีซ่า แล้วยกเลิกการเดินทางทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยึดค่าใช้จ่ายทั้งหมด 100%
ทางบริษัทเริ่มต้น และจบ การบริการ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรณีท่านเดินทางมาจากต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ และจะสำรองตั๋วเครื่องบิน หรือพาหนะอย่างหนึ่งอย่างใดที่ใช้ในการเดินทางมาสนามบิน ทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากโปรแกรมการเดินทางของบริษัท ฉะนั้นท่านควรจะให้กรุ๊ป FINAL 100% ก่อนที่จะสำรองยานพาหนะ
ในกรณีที่เกิดการล่าช้าจากสายการบิน หรือกระเป๋าเดินทางไม่มาตามกำหนด ทางบริษัทจะเป็นตัวแทนในการเรียกร้องค่าชดเชยจากสายการบินให้กับท่าน ซึ่งการพิจารณาขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ของสายการบินเท่านั้น
กรณีท่านที่ประสงค์พักแบบห้องสามเตียง(Triple Room) หากทางโรงแรมที่พักไม่สามารถจัดห้องพักแบบสามเตียงได้ อาจต้องเป็นเตียงเสริมแทน หรือ อาจต้องแยกเป็นห้องสองเตียง 1 ห้องและห้องเตียงเดียว 1 ห้อง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสำหรับค่าห้องเดียวทั้งนี้ทางลูกค้าต้องเป็นผู้จ่ายค่าห้องเดียวเอง(ทางบริษัทฯ ขอแนะนำให้พักสองห้อง)
รูปภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น
400/495 หมู่ 9 ต.นาจักร อ.เมือง แพร่ 54000